อว. บพข. สกสว. ร่วมมือ อบก.และTEATA เปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน“ZERO CARBON” มุ่งขับเคลื่อนท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
![](https://sawaddeemuangthai.com/wp-content/uploads/2023/11/5.-Zero-Carbon.jpg)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) แผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก./TGO) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน./TCEB) ร่วมแถลงข่าว เปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน “ZERO CARBON” เพื่อใช้ในการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการชดเชยคาร์บอน จากกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมไมซ์เพื่อมุ่งสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ โดยได้รับเกียรติจากคุณสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดงาน ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพ
![](https://sawaddeemuangthai.com/wp-content/uploads/2023/11/13.-Zero-Carbon.jpg)
แอปพลิเคชัน “ZERO CARBON” เกิดจากการพัฒนาชุดแอพพลิเคชันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่สำหรับผู้ประกอบการเพื่อใช้ในการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการชดเชยคาร์บอน จากกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” สนับสนุนทุนวิจัยโดย บพข. กองทุน ววน. พร้อมใช้งานบนสมาร์ทโฟน โดยช่องทางการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “Zero Carbon” ได้แก่ Google Play และ App Store ซึ่งมีความสะดวกและรวดเร็วต่อการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการวัด การลด และการชดเชยคาร์บอนได้ด้วยตนเอง บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมไมซ์ มีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมชดเชยคาร์บอนผ่านแอปพลิเคชัน มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
![](https://sawaddeemuangthai.com/wp-content/uploads/2023/11/3.-Zero-Carbon.jpg)
นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า งานในวันนี้ไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและไมซ์ของประเทศไทยสู่ความยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังถือเป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืน โดยเป้าหมายอันใกล้ คือ การสร้างประเทศให้กลายเป็นประเทศสังคมคาร์บอนต่ำ และสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ในปี 2050 และเป้าหมายในระยะยาว คือ เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Greenhouse Gas ในปี 2065
![](https://sawaddeemuangthai.com/wp-content/uploads/2023/11/7.-Zero-Carbon.jpg)
การบูรณาการการทำงานระหว่างรัฐ กับภาคเอกชน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศนี้ อว.จะต้องพึ่งพาข้อมูล องค์ความรู้ วิทยาการต่างๆ ตลอดจนภาคีเครือข่ายจำนวนมาก ซึ่งกระทรวง อว. ได้เน้นหลักการสำคัญคือ “เอกชนนำ รัฐสนับสนุน” โดยให้เอกชนซึ่งเป็นผู้ที่จะใช้ประโยชน์ทำหน้าที่กำหนดทิศทางว่าควรจะทำเรื่องอะไร อย่างไร แล้วสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จะเข้าไปดำเนินการสนับสนุนอย่างเต็มกำลังโดยใช้ความต้องการเป็นตัวนำ และท่านรัฐมนตรี เน้นย้ำอยู่เสมอ คือ การบูรณาการทำงานเชื่อมประสานระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ นักวิจัย สถาบันการศึกษา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน สุชาดา กล่าวเสริม
ด้าน รศ.ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กล่าวว่า ในวันนี้ เป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์เพื่อนำไปสู่การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ ที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลกที่เน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อนำไปสู่การตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งเสริมและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการของประเทศไทย
แอพพลิเคชั่น Zero Carbon นี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวได้มีเครื่องมือที่ช่วยประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางท่องเที่ยว พร้อมทั้งมีการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการซื้อขาย ด้วยเหตุนี้แอพพลิเคชั่นนี้จึงถือเป็นการตอบโจทย์ที่สำคัญ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวได้ตระหนักถึงผลกระทบของกิจกรรมท่องเที่ยวต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการเสนอทางเลือกในการลดและการชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอน นำไปสู่การสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
ด้วยความร่วมมือและความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนตามนโยบายของกระทรวง อว. มั่นใจว่า แอพพลิเคชั่นนี้จะเป็นก้าวที่สำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ และจะนำพาประเทศไทยเข้าสู่ภาพลักษณ์ การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ที่เป็นผู้นำระดับสากล โดย บพข. จะเป็นภาควิชาการที่หนุนเสริมการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการระหว่างภาคีเครือข่ายทั้งรัฐ เอกชน สมาคม สถาบันการศึกษา เพื่อทำให้ผลงานวิจัยและนวัตกรรมแก้ไข Pain point ของอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง
![](https://sawaddeemuangthai.com/wp-content/uploads/2023/11/14.-Zero-Carbon.jpg)
ในโอกาสนี้ ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ในฐานะผู้แทน ผู้อำนวยการ สกสว. และประธานอนุกรรมการแผนงานกลุ่มท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข. กล่าวว่า ในปี 2564-2566 เกิดความร่วมมือเพื่อสร้างการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้กับประเทศไทย โดยความร่วมมือระหว่าง 8 ภาคีสำคัญ คือ สกสว./บพข. ททท. สสปน. อพท. หอการค้าไทย/สมาคมหอการค้าไทย และ TEATA เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ เป้าหมายการขับเคลื่อนงานวิจัยแผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในกลุ่มการท่องเที่ยวบนฐานมรดกทางธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ เราจะสนับสนุนงานวิจัย ที่เน้นการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Tourism ทาง บพข. มีแผน ในการร่วมกับภาคีเครือข่ายราว 50 องค์กรพันธมิตร และมีนักวิชาการ/นักวิจัยกว่า 200 คนจาก 20 มหาวิทยาลัยทั่วทุกภูมิภาค เป้าหมายการขับเคลื่อนงานวิจัยแผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในกลุ่มการท่องเที่ยวบนฐานมรดกทางธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ โดยการสนับสนุนงานวิจัย ที่เน้นการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Tourism โดยแผนงานในปี 2567 จะขยับจากการวัด ลด ชดเชย ผลิตภัณฑ์/เส้นทาง/กิจกรรมการท่องเที่ยวการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ขยายสู่การวัด ลด ชดเชย ในระดับองค์กร โดยร่วมกับ อบก. และ สมาคม TEATA ที่จะพัฒนาเครื่องมือใหม่ๆ ที่มุ่งเน้นการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นต์ระดับองค์กร SMEs รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณให้ TEATA ร่วมกับ Tourlink สร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด EU ซึ่งได้รับการหนุนเสริมจาก ททท. ในการทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างดียิ่ง
โดยแผนในปี 2567 อาทิ 1) เราจะขยับจากการวัด ลด ชดเชย ผลิตภัณฑ์/เส้นทางการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ สู่การวัด ลด ชดเชย ในระดับองค์กร โดยร่วมกับ อบก. และสมาคม TEATA ที่จะพัฒนาเครื่องมือใหม่ๆ ที่จะเน้นระดับองค์กร SMEs ในอนาคตจะสามารถจัดทำการประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์ระดับองค์กรได้ 2) นอกจากนี้เราจะจัดทำ แนวทางรับรองการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Pathway ในภาคการท่องเที่ยวและบริการ ตามระเบียบวิธีการของ TGO ซึ่งจะช่วยให้เกิดความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายในการจัดทำการออกแบบและขึ้นทะเบียน และ 3) รวมทั้งจะออกแบบเครื่องมือช่วยผู้ประกอบการ และสนับสนุนการจัดทำหลักสูตรการอบรมเพื่อพัฒนาบุคคลากรในภาคท่องเที่ยว ร่วมกับภาคีต่างๆ ที่ผ่านมาเรามีมาตรฐานการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์สำหรับผู้ประกอบการทางทะเล / Eco Spa / Eco Sport นอกจากนี้เรายังสามารถเชื่อมโยงเครื่องมือ PCR บริการทางการท่องเที่ยวกับ EU ผ่าน Camacal เราจะขยับทำให้ภาคท่องเที่ยวไทยสามารถรับมือกับข้อกีดกันทางการค้า และข้อกฎหมายระหว่างประเทศต่างๆ ในอนาคต อ.สุภาวดี กล่าวทิ้งท้าย
นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการ อบก./ TGO กล่าวว่า การส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคการท่องเที่ยว มุ่งสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และ Net Zero เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันปัญหาโลกร้อนเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือในการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างกลไกให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมุ่งสู่ความยั่งยืน ทาง อบก.หรือ TGO จึงได้ร่วมพัฒนาเครื่องมือคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับกิจกรรมการท่องเที่ยวขึ้น เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะบริษัทนำเที่ยวนำไปใช้คำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทราบแหล่งและปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญของกิจกรรมท่องเที่ยวของตน ถือเป็นประโยชน์อย่างมากที่ทาง บพข.ได้นำเครื่องมือและองค์ความรู้ของ TGO พัฒนาสู่รูปแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้งานสามารถคำนวณคาร์บอนฟุตพรินท์ เลือกซื้อคาร์บอนเครดิต และได้รับใบประกาศเกียรติคุณเบ็ดเสร็จในแอปเดียว ผู้ใช้งานโดยเฉพาะบริษัทนำเที่ยวสามารถนำไปใช้ให้บริการกับนักท่องเที่ยวได้ นอกจากช่วยในการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระดับสากล อีกด้วย
คุณวัชรี ชูรักษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ อพท. กล่าวว่า นอกเหนือจากภาพจำของคนภายนอกที่มองว่าเราทำงานกับชุมชนอย่างเดียว แต่เรายังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา อพท. มีการจัดกิจกรรมที่คำนึงถึง Low Carbon Tourism มาแล้ว แต่ในปัจจุบันพยายามมุ่งไปสู่ Net Zero Carbon ซึ่ง อพท. มีเครือข่ายชุมชนทั่วประเทศมากมาย มีการสร้างเกณฑ์มาตรฐานในการจัดชุมชมขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ โดยปีที่แล้วมีชุมชนที่ผ่านการคัดเลือก 2 ชุมชน คือ ชุมชนบางกอบัว จังหวัดสมุทรปราการ และชุมชนบางน้ำเชี่ยว จังหวัดตราด โดยได้วางแผนที่จะขยายไปยังตลาดท่องเที่ยวคุณภาพสูง ซึ่งแอปพลิเคชัน “ZERO CARBON”จะเป็นนวัตกรรมสำคัญที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่จะเป็นเทรนด์ใหมได้ในอนาคต
คุณวสุมน เนตรกิจเจริญ นายกสมาคม TEATA กล่าวว่าTEATA ในฐานะผู้นำผลลัพธ์จากงานวิจัย บพข. ไปสู่การใช้ประโยชน์ เราพบความน่าสนใจในหลายพื้นที่มาต่อยอดเพื่อยกระดับให้เป็นกิจกรรม หรือ เส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ มุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
App : Zero Carbon จะทำให้การชดเชยคาร์บอนขยายไปสู่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้อย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็น App ที่ผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานรายเล็กสามารถเข้าถึงคาร์บอนเครดิตได้อย่างสะดวก นอกจากนั้นยังสามารถจัดหาคาร์บอนเครดิตมาชดเชยจนเสมือนไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างง่ายและรวดเร็ว
และจุดเริ่มต้นที่สำคัญสมาคมฯจะนำไปเชิญชวนส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสมาชิกขององค์กรเครือข่ายที่ได้มีการลงนาม MOU ร่วมกับ TEATA จำนวน 31 องค์กร ภายใต้งานวิจัยทุน บพข. ในปีนี้ ให้นำไปใช้ทำกิจกรรมประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์อย่างเร็วและชดเชยคาร์บอนจนได้ใบประกาศเกียรติคุณจาก TGO ซึ่งจะทำให้มีฐานข้อมูลการประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์จำนวนมากจากหลากหลายเส้นทางท่องเที่ยวและมากจำนวนครั้ง รวมถึงเรายังจะส่งเสริมพันธมิตร ชุมชน และผู้ประกอบการอื่นๆ ซึ่งเป็น Suppliers ด้านการท่องเที่ยว นอกเหนือจากการส่งเสริมองค์กร 31 องค์กร ให้รู้จักและใช้ App : Zero Carbon มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สสปน. กล่าวว่า อุตสาหกรรมไมซ์เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีกิจกรรมปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมาก ซึ่งสสปน. ไม่ได้ละเลยปัญหาเหล่านี้ มีความตระหนักในลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาโดยตลอด จึงออกแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) มุ่งมั่นจะเป็นพันธมิตรเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ ขับเคลื่อนประเทศไทยและพื้นที่เป้าหมายในฐานะปลายทางไมซ์ ด้วยนวัตกรรมและการสร้างความยั่งยืร่วมกัน โดยที่ผ่านนานั้นสร้างความร่วมมือกับ อบก. มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ปี มีการวัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านโปรแกรม Excel โดยมีทีมจากอบก.เข้ามาช่วยดูแล แต่ตอนนี้มีแอปพลิเคชัน “Zero Carbon” ที่สามารถใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน ต้องขอบคุณ สกสว. บพข. ที่สนับสนุนทุนเพื่อให้เกิดการพัฒนาแอปพลิเคชันนี้ให้ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น
นางสาวณัฐพรรณ ตรีเดชา ผู้อำนวยการกองส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า เทรนด์การท่องเที่ยวของโลกกำลังมาแรงในเรื่องของคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ หากไม่ทำเรื่องนี้ก็จะตกขบวน ททท.เองก็ได้มีการสนับสนุนเส้นทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนครบทุกภาคของประเทศไทย พอมีแอปพลิเคชัน “Zero Carbon” เกิดขึ้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก เพราะททท. ก็ทำเรื่องคาร์บอนมานาน จะได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและผลักดันแอปพลิเคชันนี้ไปสู่การใช้งานร่วมกับชุมชนต่างๆที่อยู่ในเส้นทาง เพื่อมุ่งสู่เส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
นอกจากนี้ยังมี แนะนำการใช้งานแอปพลิเคชัน “Zero Carbon” โดย คุณพวงพันธ์ ศรีทอง ผู้จัดการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ซึ่งในวันนี้แอปพลิเคชันได้พัฒนาเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย และพร้อมให้ทุกท่านใช้งานบน Smartphone สามารถเข้าไปโหลดแอปพลิเคชัน “ZERO CARBON” ได้ที่ App Store และ Google play เพื่อทำการการวัด การลด และการชดเชยคาร์บอนปล่อยออกมาจากกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมไมซ์ ได้ด้วยตนเอง
มาร่วมพลังขับเคลื่อนให้ไทยเป็นประเทศผู้นำระดับสากลด้านการท่องเที่ยวที่มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Tourism แสดงให้เห็นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินไปด้วยกันได้ สกสว.และบพข.จะร่วมกันพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมอย่างไม่หยุดนิ่ง ตอบโจทย์ความท้าทายให้การท่องเที่ยวไทยเกิด Net Zero Emission Routes / Net Zero Emission Organization ในปี 2569-2570 การพัฒนานี้จะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก รวมทั้งช่วยปกป้องและรักษาสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่พวกเราได้รับมาจากบรรพบุรุษ และยังช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนและท้องถิ่นให้มั่นคงและเข้มแข็งยิ่งขึ้น พร้อมทั้งส่งมอบมรดกทางธรรมชาติที่ยั่งยืนให้กับลูกหลานของเราในอนาคต เพื่อให้พวกเขาได้สัมผัสและเชื่อมต่อกับความงามของธรรมชาติที่เรามีอยู่ในวันนี้อย่างต่อเนื่องและลึกซึ้งยิ่งขึ้นในอนาคต
หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) มีหน้าที่ในจัดสรรทุนวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและภาคบริการ โดยเฉพาะเรื่องของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการที่มุ่งเน้นการสนับสนุนแผนงานที่มีความร่วมมือหรือการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการ ผู้ใช้ประโยชน์ เพื่อให้เกิดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน โดยการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งบริหารจัดการกองทุนโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ที่มีหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุน ขับเคลื่อนระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศในทุกด้าน เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างสมดุลและยั่งยืน