PCC สุดปัง! คว้างานใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 534.17 ลบ.
บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น หรือ PCC สุดปัง! คว้างานใหม่ไม่หยุด 2 โครงการ มูลค่ารวมราว 534.17 ลบ. ได้แก่ 1.งานซื้ออุปกรณ์สถานีไฟฟ้าพร้อมติดตั้ง-ก่อสร้างอาคารพร้อมบ่อพักและท่อร้อยสายสําหรับสถานีย่อยศูนย์ราชการ กับ การไฟฟ้านครหลวง มูลค่า 422.19 ลบ. และ 2. งานสัญญาซื้อขายหม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส จำนวน 433 เครื่อง ของกฟภ. มูลค่า 111.98 ลบ. ด้านบอสใหญ่ “กิตติ สัมฤทธิ์” CEO ประกาศกลยุทธ์ปี 2568-2570 เพิ่มขอบเขตของสินค้า-ลูกค้าใหม่ พร้อมทั้งขยายอาณาจักรไปยัง Bamboo-based Innovative Products และ Digitalization and Automation Solutions ส่วน Smart Grid Digitalization ตอกฐานให้ยั่งยืนมั่นคง ย้ำทั้ง 3 อุตสาหกรรม มีการบูรณาการเชื่อมโยง-สนับสนุนซึ่งกันและกัน หวังสนับสนุนรายได้เติบโตยั่งยืน
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) (PCC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ย่อย 2 บริษัท ได้รับงานใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 534,171,927 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ได้แก่ 1.บริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จํากัด ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการเสนอราคา ประกวดราคาซื้ออุปกรณ์สถานีไฟฟ้าพร้อมติดตั้ง และก่อสร้างอาคารพร้อมบ่อพักและท่อร้อยสายสำหรับสถานีย่อยศูนย์ราชการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) กับ การไฟฟ้านครหลวง เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 มูลค่าสัญญารวม 422,189,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
2.บริษัท แปซิฟิค พรอสเพอริตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (PPD) ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะ งานสัญญาซื้อขายหม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส ระบบ 22 กิโลโวลท์ และ 33 กิโล โวลท์ จำนวน 433 เครื่อง ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มูลค่าสัญญารวม 111,982,027 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
PCC เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ดังนี้ 1. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้า 2. ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 3. ธุรกิจลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน
นายกิตติ กล่าวเพิ่มว่า ในปี 2567 บริษัทวางแผนเชิงกลยุทธ์ เพื่อดำเนินงานให้ได้กำไรขั้นต้นตามเป้าหมาย และวางแผนกลยุทธ์ของปี 2568 – 2570 เพื่อบรรลุในการขยายยอดขาย โดยเพิ่มขอบเขตของสินค้าใหม่และขอบเขตของลูกค้าใหม่ พร้อมทั้งขยายขอบเขตของอุตสาหกรรมจากเดิมที่มีอยู่ คือ Smart Grid Digitalization เพิ่มอีก 2 อุตสาหกรรมคือ Bamboo-based Innovative Products และ Digitalization and Automation Solution โดยที่ทั้ง 3 อุตสาหกรรม มีการบูรณาการเชื่อมโยง และสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ด้วยการรับบุคลากรที่เชี่ยวชาญในเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเน้นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่แท้จริง (Intrinsic Technology) ของทั้ง 3 อุตสาหกรรม และพัฒนาความสามารถที่โดดเด่น (Distinctive Competence) ขององค์กร เพื่อเพิ่มสมรรถนะ (Performance) ขององค์กรให้สูงขึ้นตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้องค์กรรักษาการเติบโตที่ยั่งยืน
นายกิตติ กล่าวทิ้งท้ายว่า PCC ยังยึดมั่นในวิสัยทัศน์ “จุดพลังแห่งความรุ่งเรืองร่วมกัน (Energizing Shared Prosperity)” โดยให้ความสำคัญกับการดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ พนักงาน ผู้ถือหุ้น รวมถึงชุมชนใกล้เคียงโดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ชุมชนบริเวณสถานประกอบการทุกแห่งที่บริษัทดำเนินธุรกิจ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล